๘. สัลเลขสูตร
ว่าด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส
[๑๐๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น เวลาเย็น ท่านพระมหาจุนทะออกจากที่พักผ่อน แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ท่านพระมหาจุนทะนั่งเรียบร้อยแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทิฏฐิเหล่านี้มีประการต่างๆ ประกอบด้วยการกล่าวปรารภอัตตาบ้าง ประกอบด้วยการกล่าวปรารภโลกบ้าง ย่อมเกิดขึ้นในโลก เมื่อภิกษุมนสิการธรรมเบื้องต้นเท่านั้นหรือ การละทิฏฐิเหล่านั้น การสละคืนทิฏฐิเหล่านั้น ย่อมจะมีได้ด้วยอุบายอย่างนี้หรือ พระเจ้าข้า.
[๑๐๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรจุนทะ ทิฏฐิเหล่านี้มีหลายประการ ประกอบด้วยการกล่าวปรารภอัตตาบ้าง ประกอบด้วยการกล่าวปรารภโลกบ้าง ย่อมเกิดขึ้นในโลก ก็ทิฏฐิเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้นในอารมณ์ใด นอนเนื่องอยู่ในอารมณ์ใด และท่องเที่ยวอยู่ในอารมณ์ใด เมื่อภิกษุพิจารณาเห็นอารมณ์นั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นมิใช่ของเรา เรามิใช่นั่น นั่นมิใช่ตัวตนของเรา ดังนี้ การละทิฏฐิเหล่านั้น การสละคืนทิฏฐิเหล่านั้น ย่อมมีได้ด้วยอุบายอย่างนี้.
รูปฌาน ๔
[๑๐๒] ดูกรจุนทะ ก็ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือปฐมฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือทุติยฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือตติยฌานั้นเราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสในก่อนเสียได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือจตุตถฌานนี้เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสในก่อนเสียได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือจตุตถฌานนี้เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ในวินัยของพระอริยะ
[๑๐๓] ดูกรจุนทะ ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน โดยมนสิการว่า อากาศไม่มีที่สุด เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา ดับปฏิฆสัญญา ไม่มนสิการนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวงอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคืออากาสานัญจายตนฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงอากาสานัญจายตนฌานเสียโดยประการทั้งปวง แล้วมนสิการว่า วิญญาณไม่มีที่สุด พึงบรรลุวิญญาณัญจายตนฌานอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือวิญญาณัญจายตนฌานนี้เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง แล้วมนสิการว่า ไม่มีอะไรเหลือสักน้อยหนึ่ง พึงบรรลุอากิญจัญญายตนฌานอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคืออากิญจัญญายตนฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แลที่ ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงอากิญจัญญายตนฌานเสียโดยประการทั้งปวง แล้วพึงบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่ ภิกษุนั้นพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือเนวสัญญานาสัญญายตนฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการฆ่าสัตว์.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ลักทรัพย์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการลักทรัพย์.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเสพเมถุนธรรม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักประพฤติพรหมจรรย์.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวเท็จ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวเท็จ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวส่อเสียด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวส่อเสียด.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคําหยาบ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวคําหยาบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคําเพ้อเจ้อ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวเพ้อเจ้อ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมักเพ่งเล็งภัณฑะของผู้อื่น ในข้อนี้เราทั้งหลายจักไม่เพ่งเล็งภัณฑะของผู้อื่น.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีจิตพยาบาท ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีจิตพยาบาท.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความเห็นผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความเห็นชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความดําริผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความดําริชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีวาจาผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีวาจาชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีการงานผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีการงานชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีอาชีพผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีอาชีพชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความเพียรผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความเพียรชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีสติผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีสติชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีสมาธิผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีสมาธิชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีญาณผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีญาณชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีวิมุติผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีวิมุติชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักถูกถิ่นมิทธะกลุ้มรุม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักปราศจากถิ่นมิทธะ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฟุ้งซ่าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีวิจิกิจฉา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักห้ามพ้นจากวิจิกิจฉา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความโกรธ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีความโกรธ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักผูกโกรธไว้ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ผูกโกรธไว้.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักลบหลู่คุณท่าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ลบหลู่คุณท่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักยกตนเทียมท่าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ยกตนเทียมท่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความริษยา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีความริษยา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความตระหนี่ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีความตระหนี่.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักโอ้อวด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่โอ้อวด.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีมารยา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีมารยา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักดื้อด้าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ดื้อด้าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักดูหมิ่นท่าน ในข้อนี้เราทั้งหลายจักไม่ดูหมิ่นท่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ว่ายาก ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ว่าง่าย.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีมิตรชั่ว ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีกัลยาณมิตร.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนประมาท ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นคนไม่ประมาท.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนไม่มีศรัทธา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นคนมีศรัทธา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักไม่มีหิริ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีหิริในใจ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักไม่มีโอตตัปปะ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีโอตตัปปะ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้มีสุตะน้อย ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีสุตะมาก.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนเกียจคร้าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ปรารภความเพียร.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้มีสติหลงลืม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีสติดํารงมั่น.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนมีปัญญาทราม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นคนถึงพร้อมด้วยปัญญา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย.
[๑๐๕] ดูกรจุนทะ เราย่อมกล่าวแม้จิตตุปบาทว่า มีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็จะต้องกล่าวไปไยในการจัดทำให้สําเร็จ ด้วยกาย ด้วยวาจาเล่า เพราะเหตุนั้นแหละ จุนทะ ในข้อนี้ เธอทั้งหลายพึงให้จิตเกิดขึ้นว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้เบียดเบียนกัน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่เบียดเบียนกัน.
ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ
ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย.
การงดเว้นจากปาณาติบาต เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ฆ่าสัตว์.
การงดเว้นจากอทินนาทาน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ลักทรัพย์.
การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เสพเมถุน.
การงดเว้นจากมุสาวาท เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้พูดเท็จ.
การงดเว้นจากปิสุณาวาจา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้กล่าวส่อเสียด.
การงดเว้นจากผรุสวาจา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้กล่าวคําหยาบ.
การงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้พูดเพ้อเจ้อ.
ความเป็นผู้ไม่เพ่งเล็ง เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักเพ่งเล็ง.
ความไม่พยาบาท เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีจิตพยาบาท.
ความเห็นชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความเห็นผิด.
ความดําริชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความดําริผิด.
การกล่าววาจาชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีวาจาผิด.
การงานชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีการงานผิด.
การเลี้ยงชีพชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีอาชีพผิด.
ความเพียรชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความเพียรผิด.
ความระลึกชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความระลึกผิด.
ความตั้งใจชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ตั้งใจผิด.
ความรู้ชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความรู้ผิด.
วิมุตติชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีวิมุตติผิด.
ความเป็นผู้ปราศจากถิ่นมิทธะ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลถูกถิ่นมิทธะครอบงํา.
ความไม่ฟุ้งซ่าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีจิตฟุ้งซ่าน.
ความเป็นผู้ข้ามพ้นจากความสงสัย เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความสงสัย.
ความไม่โกรธ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักโกรธ.
ความไม่เข้าไปผูกโกรธ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เข้าไปผูกโกรธ.
ความไม่ลบหลู่คุณท่าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักลบหลู่คุณท่าน.
ความไม่ยกตนเทียมท่าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักยกตนเทียมท่าน.
ความไม่ริษยา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ริษยา.
ความไม่ตระหนี่ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ตระหนี่.
ความไม่โอ้อวด เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้โอ้อวด.
ความไม่มีมารยา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีมารยา.
ความเป็นคนไม่ดื้อด้าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ดื้อด้าน.
ความไม่ดูหมิ่นท่าน เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ดูหมิ่นท่าน.
ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ว่ายาก.
ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีมิตรชั่ว.
ความไม่ประมาท เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ประมาท.
ความเชื่อ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ไม่มีศรัทธา.
ความละอายต่อบาป เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ไม่มีความละอายต่อบาป.
ความสะดุ้งกลัวต่อบาป เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ไม่มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป.
ความเป็นพหูสูต เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีการสดับน้อย.
การปรารภความเพียร เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เกียจคร้าน.
ความเป็นผู้มีสติดํารงมั่น เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีสติหลงลืม.
ความถึงพร้อมด้วยปัญญา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีปัญญาทราม.
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และบุคคลอื่นให้สละคืนได้โดยง่าย เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และบุคคลอื่นให้สละคืนได้โดยยาก.
[๑๐๗] ดูกรจุนทะ เปรียบเหมือนอกุศลธรรมทั้งมวล เป็นเหตุให้ถึงความเป็นเบื้องล่าง กุศลธรรมทั้งมวล เป็นเหตุให้ถึงความเป็นเบื้องบน ฉันใด ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล ย่อมเป็นธรรมสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้เบียดเบียน.
การงดเว้นจากปาณาติบาต ย่อมเป็นธรรมสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้ฆ่าสัตว์
การงดเว้นจากอทินนาทาน ย่อมเป็นธรรมสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้ลักทรัพย์ ฯลฯ
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยง่ายเป็นทางสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก
ผู้ที่ตนเองไม่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปลือกตมอันลึก ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้.
ผู้ที่ไม่ฝึกตน ไม่แนะนําตน ไม่ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนําผู้อื่น จักให้ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
ผู้ที่ฝึกตน แนะนําตน ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนําผู้อื่น จักให้ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด.
ดูกรจุนทะ ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล ย่อมเป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้เบียดเบียน.
การงดเว้นจากปาณาติบาต เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ฆ่าสัตว์.
การงดเว้นจากอทินนาทาน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลักทรัพย์.
การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้เสพเมถุนธรรม.
การงดเว้นจากมุสาวาท เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้พูดเท็จ.
การงดเว้นจากปิสุณาวาจา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้กล่าวส่อเสียด.
การงดเว้นจากผรุสวาจา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้กล่าวคําหยาบ.
การงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้พูดเพ้อเจ้อ.
ความเป็นผู้ไม่เพ่งเล็ง เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มักเพ่งเล็ง.
ความไม่พยาบาท เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีจิตพยาบาท.
ความเห็นชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความเห็นผิด.
ความดําริชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความดําริผิด.
การกล่าววาจาชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีวาจาผิด.
การงานชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีการงานผิด.
การเลี้ยงชีวิตชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีอาชีพผิด.
ความเพียรชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความเพียรผิด.
ความระลึกชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความระลึกผิด.
ความตั้งใจชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความตั้งใจผิด.
ความรู้ชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความรู้ผิด.
ความพ้นชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความพ้นผิด.
ความเป็นผู้ปราศจากถิ่นมิทธะ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ถูกถิ่นมิทธะครอบงํา.
ความเป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีจิตฟุ้งซ่าน.
ความเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัย เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความสงสัย.
ความไม่โกรธ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มักโกรธ.
ความไม่ผูกโกรธ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ผูกโกรธ.
ความไม่ลบหลู่คุณท่าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลบหลู่คุณท่าน.
ความไม่ยกตนเทียมท่าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ยกตนเทียมท่าน.
ความไม่ริษยา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ริษยา.
ความไม่ตระหนี่ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ตระหนี่.
ความไม่โอ้อวด เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้โอ้อวด.
ความไม่มีมารยา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีมารยา.
ความเป็นคนไม่ดื้อด้าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ดื้อด้าน.
ความไม่ดูหมิ่นท่าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ดูหมิ่นท่าน.
ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ว่ายาก.
ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีมิตรชั่ว.
ความไม่ประมาท เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ประมาท.
ความเชื่อ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่ศรัทธา.
ความละอายต่อบาป เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่มีความละอายต่อบาป.
ความสะดุ้งกลัวต่อบาป เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป.
ความเป็นพหูสูต เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีการสดับน้อย.
การปรารภความเพียร เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้เกียจคร้าน.
ความเป็นผู้มีสติดํารงมั่น เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีสติหลงลืม.
ความถึงพร้อมด้วยปัญญา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีปัญญาทราม.
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก.
[๑๐๙] ดูกรจุนทะ เหตุแห่งธรรมเครื่องขัดเกลา เราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งจิตตุปบาทเราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งการหลีกเลี่ยง เราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งความเป็นเบื้องบน เราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งความดับสนิท เราได้แสดงแล้ว ด้วยประการฉะนี้ ดูกรจุนทะ กิจอันใดที่ศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์ เอ็นดูอนุเคราะห์ แก่เหล่าสาวกจะพึงทํา กิจนั้นเราทําแก่เธอทั้งหลายแล้ว ดูกรจุนทะ นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลายจงเพ่งพินิจเถิด อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลังเลย นี้เป็นคําสอนของเราสําหรับเธอทั้งหลาย ฉะนี้แล.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระมหาจุนทะชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล.
พระผู้มีพระภาคตรัสบท ๔๔ ทรงแสดงสนธิ ๕ พระสูตรนี้ ชื่อสัลเลขสูตร ลุ่มลึก เปรียบด้วยสาคร ฉะนี้.
จบ สัลเลขสูตร ที่ ๘
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงอากาสานัญจายตนฌานเสียโดยประการทั้งปวง แล้วมนสิการว่า วิญญาณไม่มีที่สุด พึงบรรลุวิญญาณัญจายตนฌานอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือวิญญาณัญจายตนฌานนี้เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง แล้วมนสิการว่า ไม่มีอะไรเหลือสักน้อยหนึ่ง พึงบรรลุอากิญจัญญายตนฌานอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคืออากิญจัญญายตนฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แลที่ ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงอากิญจัญญายตนฌานเสียโดยประการทั้งปวง แล้วพึงบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่ ภิกษุนั้นพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือเนวสัญญานาสัญญายตนฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ
ว่าด้วยธรรมเครื่องขัดเกลา
[๑๐๔] ดูกรจุนทะ เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลากิเลสในข้อเหล่านี้แล คือ เธอทั้งหลาย พึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้เบียดเบียนกัน ในข้อนี้เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่เบียดเบียนกัน.เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการฆ่าสัตว์.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ลักทรัพย์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการลักทรัพย์.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเสพเมถุนธรรม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักประพฤติพรหมจรรย์.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวเท็จ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวเท็จ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวส่อเสียด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวส่อเสียด.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคําหยาบ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวคําหยาบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคําเพ้อเจ้อ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการกล่าวเพ้อเจ้อ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมักเพ่งเล็งภัณฑะของผู้อื่น ในข้อนี้เราทั้งหลายจักไม่เพ่งเล็งภัณฑะของผู้อื่น.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีจิตพยาบาท ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีจิตพยาบาท.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความเห็นผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความเห็นชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความดําริผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความดําริชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีวาจาผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีวาจาชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีการงานผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีการงานชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีอาชีพผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีอาชีพชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความเพียรผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความเพียรชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีสติผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีสติชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีสมาธิผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีสมาธิชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีญาณผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีญาณชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีวิมุติผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีวิมุติชอบ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักถูกถิ่นมิทธะกลุ้มรุม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักปราศจากถิ่นมิทธะ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฟุ้งซ่าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีวิจิกิจฉา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักห้ามพ้นจากวิจิกิจฉา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความโกรธ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีความโกรธ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักผูกโกรธไว้ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ผูกโกรธไว้.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักลบหลู่คุณท่าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ลบหลู่คุณท่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักยกตนเทียมท่าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ยกตนเทียมท่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความริษยา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีความริษยา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความตระหนี่ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีความตระหนี่.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักโอ้อวด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่โอ้อวด.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีมารยา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีมารยา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักดื้อด้าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่ดื้อด้าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักดูหมิ่นท่าน ในข้อนี้เราทั้งหลายจักไม่ดูหมิ่นท่าน.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ว่ายาก ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ว่าง่าย.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีมิตรชั่ว ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีกัลยาณมิตร.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนประมาท ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นคนไม่ประมาท.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนไม่มีศรัทธา ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นคนมีศรัทธา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักไม่มีหิริ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีหิริในใจ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักไม่มีโอตตัปปะ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีโอตตัปปะ.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้มีสุตะน้อย ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีสุตะมาก.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนเกียจคร้าน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ปรารภความเพียร.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้มีสติหลงลืม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีสติดํารงมั่น.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนมีปัญญาทราม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นคนถึงพร้อมด้วยปัญญา.
เธอทั้งหลายพึงทําความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย.
[๑๐๕] ดูกรจุนทะ เราย่อมกล่าวแม้จิตตุปบาทว่า มีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็จะต้องกล่าวไปไยในการจัดทำให้สําเร็จ ด้วยกาย ด้วยวาจาเล่า เพราะเหตุนั้นแหละ จุนทะ ในข้อนี้ เธอทั้งหลายพึงให้จิตเกิดขึ้นว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้เบียดเบียนกัน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่เบียดเบียนกัน.
ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ
ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย.
ว่าด้วยทางหลีกเลี่ยงคนชั่ว
[๑๐๖] ดูกรจุนทะ เปรียบเหมือนทางที่ไม่เรียบ ก็พึงมีทางเส้นอื่นที่เรียบ สําหรับหลีกทางที่ไม่ราบเรียบนั้น อนึ่ง เปรียบเหมือนท่าที่ไม่ราบเรียบ ก็พึงมีท่าอื่นที่ราบเรียบ สําหรับหลีกท่าที่ไม่ราบเรียบนั้น ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เบียดเบียนการงดเว้นจากปาณาติบาต เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ฆ่าสัตว์.
การงดเว้นจากอทินนาทาน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ลักทรัพย์.
การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เสพเมถุน.
การงดเว้นจากมุสาวาท เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้พูดเท็จ.
การงดเว้นจากปิสุณาวาจา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้กล่าวส่อเสียด.
การงดเว้นจากผรุสวาจา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้กล่าวคําหยาบ.
การงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้พูดเพ้อเจ้อ.
ความเป็นผู้ไม่เพ่งเล็ง เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักเพ่งเล็ง.
ความไม่พยาบาท เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีจิตพยาบาท.
ความเห็นชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความเห็นผิด.
ความดําริชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความดําริผิด.
การกล่าววาจาชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีวาจาผิด.
การงานชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีการงานผิด.
การเลี้ยงชีพชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีอาชีพผิด.
ความเพียรชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความเพียรผิด.
ความระลึกชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความระลึกผิด.
ความตั้งใจชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ตั้งใจผิด.
ความรู้ชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความรู้ผิด.
วิมุตติชอบ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีวิมุตติผิด.
ความเป็นผู้ปราศจากถิ่นมิทธะ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลถูกถิ่นมิทธะครอบงํา.
ความไม่ฟุ้งซ่าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีจิตฟุ้งซ่าน.
ความเป็นผู้ข้ามพ้นจากความสงสัย เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความสงสัย.
ความไม่โกรธ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักโกรธ.
ความไม่เข้าไปผูกโกรธ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เข้าไปผูกโกรธ.
ความไม่ลบหลู่คุณท่าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักลบหลู่คุณท่าน.
ความไม่ยกตนเทียมท่าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มักยกตนเทียมท่าน.
ความไม่ริษยา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ริษยา.
ความไม่ตระหนี่ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ตระหนี่.
ความไม่โอ้อวด เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้โอ้อวด.
ความไม่มีมารยา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีมารยา.
ความเป็นคนไม่ดื้อด้าน เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ดื้อด้าน.
ความไม่ดูหมิ่นท่าน เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ดูหมิ่นท่าน.
ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ว่ายาก.
ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีมิตรชั่ว.
ความไม่ประมาท เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ประมาท.
ความเชื่อ เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ไม่มีศรัทธา.
ความละอายต่อบาป เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ไม่มีความละอายต่อบาป.
ความสะดุ้งกลัวต่อบาป เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ไม่มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป.
ความเป็นพหูสูต เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีการสดับน้อย.
การปรารภความเพียร เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เกียจคร้าน.
ความเป็นผู้มีสติดํารงมั่น เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีสติหลงลืม.
ความถึงพร้อมด้วยปัญญา เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีปัญญาทราม.
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และบุคคลอื่นให้สละคืนได้โดยง่าย เป็นทางสําหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และบุคคลอื่นให้สละคืนได้โดยยาก.
[๑๐๗] ดูกรจุนทะ เปรียบเหมือนอกุศลธรรมทั้งมวล เป็นเหตุให้ถึงความเป็นเบื้องล่าง กุศลธรรมทั้งมวล เป็นเหตุให้ถึงความเป็นเบื้องบน ฉันใด ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล ย่อมเป็นธรรมสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้เบียดเบียน.
การงดเว้นจากปาณาติบาต ย่อมเป็นธรรมสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้ฆ่าสัตว์
การงดเว้นจากอทินนาทาน ย่อมเป็นธรรมสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้ลักทรัพย์ ฯลฯ
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยง่ายเป็นทางสําหรับความเป็นเบื้องบนของบุคคลผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก
ว่าด้วยอุบายบรรลุนิพพาน
[๑๐๘] ดูกรจุนทะ ผู้ที่ตนเองจมอยู่ในเปือกตมอันลึกแล้ว จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.ผู้ที่ตนเองไม่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปลือกตมอันลึก ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้.
ผู้ที่ไม่ฝึกตน ไม่แนะนําตน ไม่ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนําผู้อื่น จักให้ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
ผู้ที่ฝึกตน แนะนําตน ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนําผู้อื่น จักให้ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด.
ดูกรจุนทะ ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล ย่อมเป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้เบียดเบียน.
การงดเว้นจากปาณาติบาต เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ฆ่าสัตว์.
การงดเว้นจากอทินนาทาน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลักทรัพย์.
การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้เสพเมถุนธรรม.
การงดเว้นจากมุสาวาท เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้พูดเท็จ.
การงดเว้นจากปิสุณาวาจา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้กล่าวส่อเสียด.
การงดเว้นจากผรุสวาจา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้กล่าวคําหยาบ.
การงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้พูดเพ้อเจ้อ.
ความเป็นผู้ไม่เพ่งเล็ง เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มักเพ่งเล็ง.
ความไม่พยาบาท เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีจิตพยาบาท.
ความเห็นชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความเห็นผิด.
ความดําริชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความดําริผิด.
การกล่าววาจาชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีวาจาผิด.
การงานชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีการงานผิด.
การเลี้ยงชีวิตชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีอาชีพผิด.
ความเพียรชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความเพียรผิด.
ความระลึกชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความระลึกผิด.
ความตั้งใจชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความตั้งใจผิด.
ความรู้ชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความรู้ผิด.
ความพ้นชอบ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความพ้นผิด.
ความเป็นผู้ปราศจากถิ่นมิทธะ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ถูกถิ่นมิทธะครอบงํา.
ความเป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีจิตฟุ้งซ่าน.
ความเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัย เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความสงสัย.
ความไม่โกรธ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มักโกรธ.
ความไม่ผูกโกรธ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ผูกโกรธ.
ความไม่ลบหลู่คุณท่าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลบหลู่คุณท่าน.
ความไม่ยกตนเทียมท่าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ยกตนเทียมท่าน.
ความไม่ริษยา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ริษยา.
ความไม่ตระหนี่ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ตระหนี่.
ความไม่โอ้อวด เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้โอ้อวด.
ความไม่มีมารยา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีมารยา.
ความเป็นคนไม่ดื้อด้าน เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ดื้อด้าน.
ความไม่ดูหมิ่นท่าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ดูหมิ่นท่าน.
ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ว่ายาก.
ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีมิตรชั่ว.
ความไม่ประมาท เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ประมาท.
ความเชื่อ เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่ศรัทธา.
ความละอายต่อบาป เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่มีความละอายต่อบาป.
ความสะดุ้งกลัวต่อบาป เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป.
ความเป็นพหูสูต เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีการสดับน้อย.
การปรารภความเพียร เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้เกียจคร้าน.
ความเป็นผู้มีสติดํารงมั่น เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีสติหลงลืม.
ความถึงพร้อมด้วยปัญญา เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีปัญญาทราม.
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลําทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย เป็นทางสําหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลูบคลําทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก.
[๑๐๙] ดูกรจุนทะ เหตุแห่งธรรมเครื่องขัดเกลา เราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งจิตตุปบาทเราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งการหลีกเลี่ยง เราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งความเป็นเบื้องบน เราได้แสดงแล้ว เหตุแห่งความดับสนิท เราได้แสดงแล้ว ด้วยประการฉะนี้ ดูกรจุนทะ กิจอันใดที่ศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์ เอ็นดูอนุเคราะห์ แก่เหล่าสาวกจะพึงทํา กิจนั้นเราทําแก่เธอทั้งหลายแล้ว ดูกรจุนทะ นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลายจงเพ่งพินิจเถิด อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลังเลย นี้เป็นคําสอนของเราสําหรับเธอทั้งหลาย ฉะนี้แล.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระมหาจุนทะชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล.
พระผู้มีพระภาคตรัสบท ๔๔ ทรงแสดงสนธิ ๕ พระสูตรนี้ ชื่อสัลเลขสูตร ลุ่มลึก เปรียบด้วยสาคร ฉะนี้.
จบ สัลเลขสูตร ที่ ๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น